KOBE LB-52U AWS A5.1 E7016, JIS Z3211 E4316
คุณสมบัติสินค้า:
SKU :
KOBE LB-52U คือลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ชนิดไฮโดรเจนต่ำที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการเชื่อมยัดไส้ (root pass) ในงานเชื่อมท่อและโครงสร้างเหล็ก เป็นที่รู้จักในด้านประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเชื่อมด้านเดียว (one-side welding) ด้วยเทคนิค "อุรานามิ" (uranami) หรือการเชื่อมแบบหลอมทะลุจากด้านใน
ขนาด / Size
หมวดหมู่ : ลวดเชื่อม , KOBELCO , ลวดเชื่อม (welding wire) , Kobelco , Products , เกรดลวดเชื่อม , เชื่อมเหล็ก , E 7016, 7016-1, 7016-G, 7016-A1 ,
แบรนด์ : Kobelco
Share
KOBE LB-52U AWS A5.1 E7016, JIS Z3211 E4316
KOBE LB-52U คือลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ชนิดไฮโดรเจนต่ำที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการเชื่อมท่อและงานโครงสร้างเหล็กเหนียวและเหล็กทนแรงดึงสูงระดับ 490 เมกะปาสคาล มีคุณสมบัติเด่นในการให้การอาร์คที่คงที่และสามารถเชื่อมยัดไส้ (root pass melt-through welding) ได้อย่างง่ายดาย โดยให้รอยเชื่อมที่มีคุณภาพสูง ทนทานต่อการแตกร้าว และสามารถผ่านการตรวจสอบด้วยเอ็กซ์เรย์ได้ดีเยี่ยม
คุณสมบัติหลักและข้อมูลจำเพาะ
- ประเภทลวดเชื่อม: ชนิดไฮโดรเจนต่ำ (Low-hydrogen type)
- มาตรฐานอ้างอิง: AWS A5.1 E7016 และ JIS Z3211 E4316
- การใช้งานหลัก: เหมาะสำหรับเชื่อมท่อและโครงสร้างเหล็กทั่วไป รวมถึงเหล็กทนแรงดึงสูงระดับ 490 เมกะปาสคาล (MPa)
- ท่าเชื่อม: สามารถเชื่อมได้ทุกท่าเชื่อม (all positions)
- กระแสไฟเชื่อม: ใช้ได้ทั้งกระแสสลับ (AC) และกระแสตรงขั้วกลับ (DCEP หรือ DC+)
คุณสมบัติเด่น:
- ให้การอาร์คที่นิ่งและสม่ำเสมอมาก แม้ใช้กระแสไฟเชื่อมต่ำ
- ช่วยให้การเชื่อมยัดไส้ (root pass) ทำได้ง่ายและได้แนวเชื่อมที่เรียบสวยงาม
- ทนทานต่อการแตกร้าวสูงเนื่องจากมีปริมาณไฮโดรเจนแพร่กระจายต่ำในเนื้อเชื่อม
- มีคุณสมบัติทางกลที่ดีเยี่ยมและสามารถผ่านการตรวจสอบด้วยเอ็กซ์เรย์ได้ดี
- เคาะแสล็กออกง่าย (easy slag removability)
ข้อแนะนำในการใช้
1) ควรอบลวดเชื่อมก่อนการใช้งานที่อุณหภูมิ 300-350ºC เป็นเวลา 30-60 นาที
2) รอยเชื่อมยัดไส้ที่สวยงาม จะสามารถได้จากการเลือกใช้ระดับกระแสไฟเชื่อมและการเตรียมระยะห่างของร่องเชื่อมที่เหมาะสม
3) ในการเริ่มต้นอาร์ค ควรเริ่มบนชิ้นงานเล็กๆ นอกร่องเชื่อม หรืออาจเริ่มที่บริเวณขอบขอบร่องเชื่อม เพื่อป้องกันการเกิดฟองอากาศที่จุดเริ่มต้นเชื่อม
4) ในการดับเปลวอาร์คเมื่อลวดหมดเส้น ให้ทำการดับเปลวอาร์คที่บริเวณของขอบร่องเชื่อมเพื่อป้องกันการแตกร้าวที่จุดหยุดลวด
5) รักษาระยะอาร์คให้สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อป้องกันเปลวอาร์คดับ และป้องกันการเกิดฟองอากาศ
